ท้องเสีย - ตับไส้ดีชีวีเป็นสุข

ท้องเสียทำยังไงดี?

ท้องเสียหรือท้องร่วงหมายถึง การถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไปต่อวัน โดยอาจถ่ายเป็นเป็นมูกเลือดได้อีกด้วย หากเป็นนานเกินไป ผู้ที่เป็นโรคท้วงร่วงอาจมีภาวะขาดน้ำหรือมีปัญหาเกลือแร่ผิดปกติได้ โรคท้องเสียมักพบในประเทศที่ยังไม่พัฒนาหรือมีการสาธารณสุขที่ไม่ดีนัก ถ้าเกิดขึ้นภายใน 3 สัปดาห์เรียกว่า ท้องเสียเฉียบพลัน (acute diarrhea) ส่วนถ้าท้องเสียนานกว่า 3สัปดาห์จะเรียกว่า ท้องเสียเรื้อรัง (chronic diarrhea)

สำหรับท้องเสียเฉียบพลันสิ่งแรกที่มักคิดถึงก่อนคือการติดเชื้อซึ่งมักติดจากการกินอาหารและดื่มน้ำปนเปื้อนเชื้อโรคหรือจากมือที่ไม่สะอาดทีปนเปื้อนจากอุจจาระที่เปื้อนเชื้อ โดยเชื้อที่พบบ่อยที่เป็นสาเหตุให้ท้องเสียประกอบด้วย

- เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ท้องเสียบ่อยที่สุด

- เชื้อแบคทีเรีย เช่น อีโคไล (E.Coli) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุด เชื้อไทฟอยด์หรือเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) เชื้อบิดหรือเชื้อชิเกลลา (Shigella) และเชื้ออหิวา(Vibrio cholerae)

- พยาธิต่างๆ

จำเป็นต้องทานยาฆ่าเชื้อทุกคนหรือไม่?

ไม่จำเป็นเนื่องจากยาฆ่าเชื้อจะหมายถึงยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะติดเชื้อไวรัสมากกว่า มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะมีอาการบางอย่างที่บ่งชี้ว่าอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียเช่นมีไข้สูงหนาวสั่น ถ่ายอุจจาระมีมูกเลือดปน มีอาการถ่ายเหลวรุนแรงจึงอาจพิจารณาให้ยาฆ่าเชื้อเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าวเท่านั้น

จำเป็นต้องทานยาหยุดถ่ายหรือไม่?

ไม่จำเป็นเพราะการถ่ายอุจจาระจะสามารถช่วยในการระบายเชื้อโรคออกไปได้ โดยการถ่ายอุจจาระที่มีลักษณะเหลวบางส่วนเป็นกลไกของร่างกายที่ทำงานร่วมกับการกำจัดเชื้อโรคจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้นการทานยาหยุดถ่ายโดยไม่จำเป็นอาจทำให้กลไกการกำจัดเชื้อโรคเสียไปได้